Quantcast
Channel: ประชาชื่น –มติชนออนไลน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 6405

ไม่สีเขียวแห้งแล้ง ไม่แช่แข็งเมืองเก่า ชุมชนป้อมมหากาฬ แผนแม่บทเพื่ออนุรักษ์และพัฒนา

$
0
0

ชุมชนป้อมมหากาฬ เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความขัดแย้งในเรื่องการอนุรักษ์และพัฒนามากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคปัจจุบัน

เป็นตัวแบบที่ดีในการศึกษาเรื่องการพัฒนาเมืองเก่าที่น่าสนใจ ไม่แม้แต่วงวิชาการไทย แต่นักวิชาการระดับโลกต่างก็สนใจในพื้นที่นี้

อดีตที่ผ่านมา ภาครัฐมุ่งปรับปรุงพื้นที่ตามแนวทางที่ถูกวางไว้โดยแผนแม่บทของคณะกรรมการกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ต้องการอนุรักษ์และปรับปรุงพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ให้ย้อนกลับไปมีบรรยากาศในสมัยรัชกาลที่ 5

โดยมุ่งลดจำนวนคนที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่ (แต่กลับเน้นเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว) ในขณะเดียวกันก็เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว (สวนสาธารณะ) ให้มากที่สุดเพื่อเปิดมุมมองต่อโบราณสถานสาคัญ

ซึ่งพื้นที่ป้อมมหากาฬได้ถูกกำหนดไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก (pocket park) เอาไว้เพื่อเปิดมุมองต่อป้อมมหากาฬ กำแพงเมืองและภูเขาทอง

 

แช่งแข็งกรุงรัตนโกสินทร์

แผนดังกล่าวเป็นการพัฒนาพื้นที่เมืองแบบแช่แข็งความเปลี่ยนแปลง ละเลยความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์ที่ซ้อนทับอยู่บนพื้นที่เมือง ขาดมุมมองในเชิงวิถีชีวิตของเมืองที่ต้องมี “คน” เป็นส่วนประกอบสาคัญ ที่มิใช่มีแต่สิ่งก่อสร้างที่แห้งแล้งไร้ชีวิตเพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ไม่ตอบสนองต่อข้อเท็จจริงทางวิชาการในโลกปัจจุบันอีกต่อไป

เมืองเก่าต่างๆ ทั่วโลกต่างก็ยกเลิกวิธีการดังกล่าวไปเกือบหมดสิ้นแล้ว

แต่น่าแปลกที่คณะกรรมการกรุงฯ และภาครัฐไม่เคยทบทวนแผนแม่บทดังกล่าวเลยมุ่งแต่จะอาศัยอานาจตามข้อกฎหมายที่แข็งกระด้างเป็นเครื่องมือในการจัดการความขัดแย้ง จนปัญหาได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แม้ปี 2548 ผู้บริหารกรุงเทพมหานครในขณะนั้นได้พยายามเสนอรูปแบบใหม่ของการจัดการพื้นที่ จนนำมาสู่การว่าจ้างมหาวิทยาลัยศิลปากรทำวิจัยเสนอทิศทางใหม่

แต่สุดท้ายข้อเสนอก็ถูกปฏิเสธ และปัญหายังคงถูกซุกไว้ใต้พรม จนมาถึงปัจจุบัน

ปัญหาได้ปะทุขึ้นหลังจากที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันพยายามอีกครั้งที่จะไล่รื้อชุมชนตามแผนที่ล้าสมัยไปแล้วกว่า 30 ปี

(ซ้าย) ธวัชชัย มหาวรคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ ร่วมพิธีไหว้เจ้าพ่อพระยาเพชร อธิษฐานให้ชาวชุมชนได้อยู่อาศัยในตรอกพระยาเพชรต่อไป (ขวา) ชาวชุมชนป้อมมหากาฬร่วมกันขอขมาพ่อปู่ป้อมมหากาฬ ซึ่งเดิมมีศาลเพียงตาบนป้อม แต่ถูกรื้อในช่วงสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เมื่อ พ.ศ. 2525
(ซ้าย) ธวัชชัย มหาวรคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ ร่วมพิธีไหว้เจ้าพ่อพระยาเพชร อธิษฐานให้ชาวชุมชนได้อยู่อาศัยในตรอกพระยาเพชรต่อไป (ขวา) ชาวชุมชนป้อมมหากาฬร่วมกันขอขมาพ่อปู่ป้อมมหากาฬ ซึ่งเดิมมีศาลเพียงตาบนป้อม แต่ถูกรื้อในช่วงสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เมื่อ พ.ศ. 2525

อนุรักษ์และพัฒนา-ไม่แช่แข็ง

แม้งานวิจัยดังกล่าวจะล่วงเลยมากว่าสิบปี แต่แนวคิดโดยรวมที่จะพัฒนา ผู้เขียนเชื่อว่ายังคงทันสมัย และสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ได้ ซึ่งมีรายละเอียดโดยสังเขปดังต่อไปนี้

หนึ่ง พัฒนาให้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านไม้โบราณชานกำแพงพระนครโดยมีรูปธรรมคือ การรักษาบ้านไม้โบราณที่มีคุณค่าและรักษารูปแบบการจัดวางผังและการอยู่อาศัยของคนในพื้นที่ชานกำแพงพระนคร ซึ่งกล่าวได้ว่าหลงเหลืออย่างสมบูรณ์เพียงแห่งเดียวแล้วในกรุงรัตนโกสินทร์

สอง สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมโดยพัฒนาพื้นที่ทั้งชุมชนให้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีชีวิต และปรับอาคารเก่า 4 หลังให้เป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรที่เล่าประวัติศาสตร์ 4 เรื่อง คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สังคมพื้นที่ชานกำแพง,ประวัติศาสตร์ลิเกสยาม, พิพิธภัณฑ์สารพัดเก็บของคุณเฉลิมศักดิ์ รามโกมุท, และ พิพิธภัณฑ์ว่าด้วยอาชีพของผู้คนชุมชนป้อมมหากาฬ โดยทั้งหมดจะกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของพื้นที่

สาม ปรับปรุงตรอกพระยาเพชรฯ ให้กลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของชุมชน และสร้างสะพานไม้เชื่อมจากตรอกพระยาเพชรฯ ข้ามฟากไปสู่ภูเขาทอง ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียนเชื่อมต่อของผู้คน นักท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ ระหว่างสองฝั่งคลองเพิ่มมากขึ้น

สี่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ จากเดิมมีพื้นที่สีเขียวเพียง 44% เป็น 63% โดยพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็น “ลานกิจกรรม” ที่มีกิจกรรมหมุนเวียน มากกว่าการปล่อยให้เป็นพื้นที่สีเขียวเปิดโล่งทั่วไปที่ไร้คนใช้งาน โดยลานกิจกรรมบริเวณหัวป้อมมหากาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งผืนใหญ่ที่สุดของพื้นที่ พัฒนาให้กลายเป็นลานกิจกรรมของทั้งชุมชนและสังคมเมือง เน้นสร้างกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมี “ลิเก” เป็นกิจกรรมหลักของพื้นที่

ห้า ปรับปรุงท่าเรือสมัยรัชกาลที่ 6 และท่าเรือหางยาว ภายในป้อมมหากาฬเพื่อให้พื้นที่ชุมชนกลายเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทางเรือที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง

ประตูทางเข้าสู่ชุมชนป้อมมหากาฬ มีป้ายเล็กๆ ที่ทำขึ้นใหม่ระบุข้อความว่า "ตรอกพระยาเพชรปาณี" ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เคยเป็นที่ตั้งวิกลิเกของพระยาเพชรปาณี ในสมัยรัชกาลที่ 5
ประตูทางเข้าสู่ชุมชนป้อมมหากาฬ มีป้ายเล็กๆ ที่ทำขึ้นใหม่ระบุข้อความว่า “ตรอกพระยาเพชรปาณี” ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เคยเป็นที่ตั้งวิกลิเกของพระยาเพชรปาณี ในสมัยรัชกาลที่ 5

พื้นที่สีเขียวแห้งแล้ง-ไม่ทำ

ในทัศนะผู้เขียน ปัจจัยสาคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ต้องประกอบด้วย 3 ส่วน คือ

1. ความเข้มแข็งและความจริงใจของชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป้อมมหากาฬที่จะต้องเสียสละตนเองเพื่อทำการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของพื้นที่และพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นสำคัญ

2. ความกล้าหาญทางวิชาการของคณะกรรมการกรุงฯ ที่ต้องกล้าที่จะออกมายอมรับความผิดพลาดของตนเอง และเสนอทางออกใหม่ในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

3. ความกล้าหาญของภาครัฐที่จะแก้ไขสิ่งผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องออกมาแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดขอบเขตที่ดินที่จะเวนคืนบริเวณป้อมมหากาฬ พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงในโลกปัจจุบัน

เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีชีวิตและมีประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

มิใช่พื้นที่สีเขียวที่แห้งแล้งไร้ชีวิตตามแนวคิดดั้งเดิมที่พิสูจน์แล้วในงานวิชาการมากมายว่าเป็นแนวทางที่ผิดพลาด

(ซ้าย) พิธีไหว้สักการะ "โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง" ไม้ใหญ่ 4 ต้นที่อยู่คู่ชุมชนมาอย่างยาวนาน จัดขึ้นที่ลานกลางชุมชนป้อมมหากาฬ (ขวา) ชุมชนป้อมมหากาฬ ประกอบด้วยบ้านไม้โบราณหลายหลังกระจายตัวอยู่ทั้งริมคลองรอบกรุง หรือคลองโอ่งอ่าง และบริเวณที่ติดกับกำแพงป้อมริมถนนมหาไชย
(ซ้าย) พิธีไหว้สักการะ “โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง” ไม้ใหญ่ 4 ต้นที่อยู่คู่ชุมชนมาอย่างยาวนาน จัดขึ้นที่ลานกลางชุมชนป้อมมหากาฬ (ขวา) ชุมชนป้อมมหากาฬ ประกอบด้วยบ้านไม้โบราณหลายหลังกระจายตัวอยู่ทั้งริมคลองรอบกรุง หรือคลองโอ่งอ่าง และบริเวณที่ติดกับกำแพงป้อมริมถนนมหาไชย

ไม่ใช่ประวัติศาสตร์เพิ่งสร้าง

ธวัชชัย มหาวรคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า ครอบครัวของตนอยู่ที่นี่ตั้งแต่รุ่นทวด รวมแล้ว 111 ปี ไม่ใช่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายครอบครัวที่อยู่ในชุมชนมาอย่างยาวนานเช่นกัน โดยมีอาชีพทำกรงนกเขาอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบต่อมาถึง 3 ชั่วอายุคน

กระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2546 ส่วนหนึ่งต้องย้ายออกไป เพราะ กทม. ต้องการใช้พื้นที่ทำสวนสาธารณะ

“ยืนยันว่าตระกูลผมอยู่มาร้อยกว่าปี แบบนี้ถือเป็นคนดั้งเดิมได้ไหม เพราะถ้าจะนับเอาแต่คนที่อยู่มาตั้งแต่แรก แล้วมีอายุมาถึงปัจจุบันแล้วถึงจะเป็นคนดั้งเดิม ต้องไปหาทวด ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว คงไม่มีใครอายุยืนได้ถึง 200 ปี ส่วนอาชีพทำกรงนกที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ทำเพียงครัวเรือนเดียว จะนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ได้นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเขาทำมา 3 ชั่วอายุคน และทำกันหลายบ้าน แต่เพิ่งถูก กทม. ให้ย้ายออกเพื่อทำสวนสาธารณะ เลยเหลืออยู่บ้านเดียว ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เอาตรงนี้มาพูด” นายธวัชชัยกล่าว

The post ไม่สีเขียวแห้งแล้ง ไม่แช่แข็งเมืองเก่า ชุมชนป้อมมหากาฬ แผนแม่บทเพื่ออนุรักษ์และพัฒนา appeared first on มติชนออนไลน์.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 6405

Trending Articles


amp*payment bangkok ในบัตรเครดิต UOB คือะไร มีใครทราบไหมครับ


เมื่อจดหมายคือสิ่งฮีลใจผู้ต้องขัง แค่ขาด 'ปากกา'...


มีเบอร์แปลกๆ ส่งการยืนยัน Google SIM มา


น้องแนทเกศริน แก้ผ้าถ่ายแบบนู๊ด xxxเด็ดมาก


“โรคตุ่มน้ำพอง หรือ โรคเพมฟิกอยด์” อาการเป็นอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันและดูแลรักษา


จากคนไม่เคยคิดจะออกกำลังกาย! “ฮารุ สุประกอบ”ฟิตร่างหนักจนหุ่นเปลี่ยนไป


การ SUM ข้าม Sheet Microsoft Excel


เทคนิคการลบข้อมูลเก่าที่ค้างอยู่ใน Pivot Table


เล่นแร่แปรสูตร : การแปลงวันที่ Text ให้เป็นวันที่ Date


iPhone 5 อาจจะมีแค่ 16GB และ 32GB เท่านั้น


โกอึน LAYSHA เต้นแรงจิ๊มิโผล่อีกแล้ว


รีวิว Preen House ครีมเวชสำอางค์ Peppermint ดีท็อกซ์ผิว


ใช้บัตร M Pass ถ้าจะนั่งที่นั่ง Honeymoon,Opera Chair...


ใหม่ All New ISUZU D-MAX X-Series Super Daylight 2015-2016 ราคา อีซูซุ...


โหลดฟรี โปรออดิชั่น เพอเฟค กดเอง ล่าสุด


การตั้งค่า Font ของ Microsoft Outlook


8 คู่รักดาราจีน จากคู่จิ้นในซีรี่ย์จีนสู่คู่จริงในชีวิต #ฟินยันนอกจอ


ใส่สีพื้นหลังของเซลล์ Excel เปลี่ยนความจำเจของสีพื้นหลัง


การเขียนแม่ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ 3D ด้วย Artcam (ตอนที่ 1)


เราได้ทำการสมัครแอพเงินกู้ ทรัพย์พลัสไปแต่อยากยกเลิกควรทำยังไงดีคะ