Quantcast
Channel: ประชาชื่น –มติชนออนไลน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 6405

บุนเฮือง แครอล ลิดดัง กับก้าวต่อไปของ “ดาว คอฟฟี่”

$
0
0

“ผมรู้แล้วว่าเม็ดเชอร์รี่แดงเหมือนแก้ม..คุณ…”

“ดาว…เอิ้นดาวก่ะได้”

หลังจากที่สร้างปรากฏการณ์ “เอิ้น ดาวก่ะได้” ไว้ในความทรงจำของชาวไทยไปเมื่อ 2 ปีก่อน คราวนี้ “ดาว คอฟฟี่” ได้เดินหน้าอีกครั้งด้วยเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม โดยได้มีการเปิดตัว “เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” ซุปเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ประจำประเทศไทย พร้อมแคมเปญ “จากดินสู่ดาว…ด้วยพลังแห่งความรัก” ที่จะถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาในเร็วๆ นี้

pra01270259p1

ทั้งหมดเพื่อเป็นก้าวสำคัญในการส่งสารถึงประเทศไทย ก่อนขยับไปยังอาเซียน และพร้อมที่ก้าวสู่ระดับโลกในอนาคต

และผู้นำที่เปรียบเสมือน “หัวหอก” ในครั้งนี้ คือ บุนเฮือง แครอล ลิดดัง รองประธานกลุ่มบริษัทดาวเฮือง วัย 34 ปี ผู้สืบทอดการบริหารงานต่อจาก มาดามเหลื่อง ลิดดัง ผู้เป็นมารดา หลังจากที่เข้ามาทำงานกับคุณแม่อย่างเต็มตัวเมื่อเสร็จสิ้นการศึกษาจากต่างประเทศเมื่อปี พ.ศ.2549 จนในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำในการพา ดาวคอฟฟี่ กาแฟลาวจากที่ราบสูงโบลาเวน ก้าวเข้าสู่ระดับสากล

ด้วยการเก็บสะสมประสบการณ์จากการเฝ้ามองการทำงานของคุณแม่ตั้งแต่ในวัยเยาว์ ทั้งธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีตามแนวชายแดน ธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ ธุรกิจผลไม้อบแห้งและธุรกิจกาแฟ กอปรกับการได้ออกไปท่องโลก เรียนรู้ทฤษฎี การศึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจทั้งในโลกตะวันตกและเอเชีย

ทั้งหมดทำให้ แครอล เข้าใจถึงการทำงานในต่างยุคต่างสมัย และนำมาผนวกรวมกันเป็นการทำงานในรูปแบบของตัวเอง โดยมีปรัชญา “ความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก” เป็นหลักยึด

ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอในวันนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะพูดถึงตลอด 7 ปีที่เข้ามาทำธุรกิจภายในประเทศไทย จนเริ่มออกดอกออกผลเป็นร้านกาแฟต้นแบบแห่งแรกที่ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ใจกลางกรุงเทพฯ

รวมไปถึงเหตุผลในการเลือก “เบิร์ด-ธงไชย” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์, การวาดแผนเป็นผู้เล่นหลักในตลาดกาแฟระดับอาเซียนและตลาดโลก, แนวทางในการทำงานและประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต

ทั้งหมดถูกรวบรวมเอาไว้ ผ่านบทสนทนาที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะและกลิ่นกรุ่นอุ่นกาแฟในยามบ่าย

ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง?

เท่าที่จำความได้ (ยิ้ม) คือเราเป็นคนปากเซ เกิดที่ปากเซที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศลาว เมื่อก่อนนี้คุณพ่อยังคงเป็นหมอทำงานกับทางราชการ ขณะที่คุณแม่ยังคงทำขนมขายที่บ้านยังไม่ได้ค้าขายใหญ่ พอโตขึ้นอายุ 12 ปี คุณพ่อคุณแม่ก็ส่งไปเรียนที่เวียงจันทน์ หลังจากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อสิงคโปร์ และอเมริกา จนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี และกลับมาศึกษาในระดับปริญญาโทที่สิงคโปร์อีกครั้ง และมาเริ่มต้นทำงานกับคุณแม่จริงๆ เมื่อปี 2549

ก่อนหน้านี้ช่วงปิดเทอมก็กลับมาที่บ้านโดยตลอด และได้มีโอกาสคลุกคลีกับธุรกิจต่างๆ ที่แม่ทำทั้งหมด ก็เห็นเขาเปลี่ยนจากการทำขนมมาเป็นการค้าขายต่างๆ เราเองได้มีโอกาสเดินทางกับแม่ตลอดและเริ่มรู้สึกชอบในสิ่งที่คุณแม่ทำ เวลาเรียนจึงตัดสินใจเรียนในด้านธุรกิจ ด้านการบริหาร เพื่อจะได้มาช่วยในการทำธุรกิจต่อจากคุณแม่

แต่เวลาเรียนจบออกมาจริงๆ ในช่วงแรกนี่แทบไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาเลย (หัวเราะ)

แล้วทำไมถึงไม่ได้ใช้?

ประเทศลาวในเวลานั้นยังไม่ใช้รูปแบบการทำธุรกิจให้เป็นระบบอย่างเต็มตัว ในช่วงแรกจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะเข้ามาบริหารหรือเข้ามาช่วย เพราะเราไม่สามารถที่จะให้เขาทำงานเหมือนอย่างที่เราเรียนรู้มาจากต่างประเทศได้ เรายังเคยบอกแม่ว่ากลัวจะทำไม่ได้นะ เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะสื่อกับเขาได้ว่าอยากให้เขาทำงานในรูปแบบที่เรากำหนด คุณแม่ก็บอกว่าให้พยายามมากขึ้นและจะวางมือเพื่อไม่ให้คนในบริษัทขึ้นตรงกับคุณแม่อีกต่อไปและมาทำงานในรูปแบบของเรา ท่านก็ให้โอกาสเราในตรงนี้เพื่อให้เราสามารถที่จะมาช่วยท่านได้

ใช้เวลาในการปรับทุกอย่างกี่ปี?

2 ปีแรกถือว่าเป็นช่วงที่ยากที่สุด ก่อนหน้านี้เราทำอยู่แต่ไม่ได้ทำอย่างเต็มตัว จึงไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆ คืออะไร แต่พอกลับมาทำจริงๆ 2 ปีแรก นี่ยากมากมันทำให้เราเห็นว่าปัญหาจริงๆ คืออะไร คุณพ่อก็บอกว่าให้ออกไปกับคุณแม่บ่อยๆ เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าเวลาที่จะดีลกับคนในรูปแบบต่างๆ ต้องทำอย่างไร ต้องคุยอย่างไร เราเรียนรู้และสู้ต่อมาเรื่อยๆ ออกไปทำหน้าที่ในส่วนที่เราทำได้ ทั้งการประชุมกับต่างประเทศ นำความรู้ข้อมูลใหม่ๆ มาปรับให้บริษัททันสมัยมากขึ้น

จนสิ่งที่เราเรียนมาจึงจะสามารถมาใช้งานได้จริงๆ ก็หลังจากที่เรากลับมาทำงานเต็มตัวได้ 3-4 ปีหลัง คนในบริษัทก็เริ่มที่จะปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบของคุณพ่อคุณแม่มาสู่ระบบของเราจนสามารถทำงานได้ง่ายและเป็นสากลมากขึ้น พร้อมหาพนักงานใหม่ๆ เข้ามาทำงาน ส่วนคนที่มีประสบการณ์และทำงานกับบริษัทมานานพวกเขาถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทที่สำคัญ เราจึงไม่ให้เขาหยุดหรือไม่ให้ทำหน้าที่เลย แต่ให้เป็นคนดูแลการทำงานของพนักงานใหม่ว่าทำได้ดีหรือไม่ และเป็นผู้นำในทีมภายใต้ระบบใหม่

ซึ่งพวกเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทุกอย่างแม้ว่าในตอนนั้นเราอายุยังน้อย ช่วงเวลานั้นดีใจมากเพราะเกือบที่จะถอยอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนได้ (ยิ้ม)

การทำธุรกิจกาแฟลำบากมากน้อยแค่ไหน?

ช่วงแรกที่เริ่มมีการปลูกกาแฟนั้นเรากำลังศึกษาต่ออยู่ที่ต่างประเทศ จนเรากลับมาได้ไปคลุกคลีว่ามันเพาะอย่างไร ปลูกอย่างไร ก็เห็นว่าปัญหาต่างๆ ในการทำไร่กาแฟสามารถสร้างความท้อใจได้ อย่างคุณพ่อคุณแม่ก็เจอลูกเห็บที่หลายสิบปีจะมีครั้งหนึ่งทำให้ไร่กาแฟกว่า 600 ไร่ ในตอนนั้นตายหมด ถ้าพวกเขาไม่คิดลุกขึ้นสู้อีกครั้งก็คงไม่มี ดาว คอฟฟี่ ในวันนี้ (ยิ้ม) เพราะว่าตอนนั้นลงทุนไปมาก แต่พวกเขาก็ฮึดสู้ใหม่ก็ค่อยๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการทำแบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ทำเพียงปีสองปี แต่ต้องใช้ระยะเวลากว่า 5-6 ปี ในการทำเช่นกัน

จุดเด่นของดาวคอฟฟี่

จุดเด่นแรกของเราคือที่ปลูกกาแฟที่เป็นที่ราบสูงสามารถปลูกได้มากกว่าคนอื่น ง่ายในการเก็บเกี่ยวและขนส่ง รวมไปถึงที่ในบริเวณที่ราบสูงโบลาเวนเป็นดินภูเขาไฟเก่า มีแร่ธาตุอาหารที่สมบรูณ์ ซึ่งเราก็หากาแฟพันธุ์อาราบิก้าระดับพรีเมียมมาปลูกเพื่อเป็นการพัฒนากาแฟลาวไปด้วย อีกอย่างหนึ่งคือเราสามารถที่จะเลือกพันธุ์กาแฟที่ดีได้เพราะเราเพาะพันธุ์กาแฟเอง ทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงสามารถควบคุมคุณภาพได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และมั่นใจว่าสามารถแข่งขันในระดับโลกได้

ปรัชญา”ความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก”?

อันดับแรกสุดสิ่งที่เราคิดมาตลอดคือ หากเราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจก็ล้มเหลวตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น ทางเลือกก็คือเราเลือกที่จะตั้งใจทำหรือไม่ตั้งใจทำ ถ้าเราตั้งใจที่จะทำแม้ว่ามันจะไม่เกิดผลในตอนแรก แต่หากมีความตั้งใจก็สามารถที่จะทำใหม่อีกครั้ง ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเป้าหมาย ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่ความพยายามของเราว่าจะสู้หรือไม่สู้ ซึ่งถ้าเราเลือกว่าเราตั้งใจที่จะทำความล้มเหลวก็จะไม่ใช่ทางเลือกของเราอีกต่อไป

ส่วนตัวเองก็ใช้ปรัชญานี้ ในการทำธุรกิจมาโดยตลอด โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อ มีอยู่ช่วงหนึ่งคุณพ่อทำงานผ่าตัดคนไข้กลับมาดึกดื่นเกือบทุกคืน มีอะไรก็มักมาเล่าให้เราฟังเพราะเราเองก็ติดพ่อ (ยิ้ม) ท่านก็เล่าว่า วันนี้รู้สึกเศร้ามากที่ช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้ แต่พ่อเองก็ตั้งใจและพยายามที่จะทำงานต่อไป ไม่ใช่มาเศร้าแล้วท้อถอยแต่ต้องทำงานต่อไป ถ้าเราหยุดและเลิกล้มความตั้งใจเมื่อนั้นก็แสดงว่าเราล้มเหลว

7 ปี กับดาวคอฟฟี่ในประเทศไทย

ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน เรารู้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วว่าตีตลาดได้ยาก เพราะตลาดเมืองไทยใหญ่ ศักยภาพของเราจึงต้องพร้อม เราเองก็ไม่ได้ท้อ แต่มีความตั้งใจว่าจะทำตลาดให้ได้ โดยใน 5 ปีแรกคนก็เริ่มรู้แล้วว่าดาวคอฟฟี่ของเราคืออะไรและมาจากไหน ซึ่งเราเองก็อยากให้รู้ว่านี่คือกาแฟลาว ปลูกที่ไหน และกลายมาเป็นกาแฟดาวได้อย่างไร นอกจากนี้ เรายังมีการโฆษณาผ่านทางสื่อต่างๆ มีการจัดการท่องเที่ยวเพื่อไปเยี่ยมชมไร่กาแฟที่ประเทศลาว เพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นว่าการปลูกกาแฟที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เราชงดื่มในทุกวัน

ซึ่งเราเองอยากจะสื่อสารในประเด็นเหล่านี้ อย่างหนึ่งที่ดีก็คือกระแสการดื่มกาแฟในเมืองไทยที่เพิ่มความนิยม และมีการสื่อสารว่ากาแฟที่ดีเป็นอย่างไร มีการโฆษณามากขึ้นเช่นกัน จึงเป็นผลบวกกับธุรกิจของเราไปด้วย


ประเมินตัวเองใน 7 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย

หากตรงตามเป้าหมายที่วางไว้คือคะแนนเต็ม 100 ก็คงให้ตัวเองไว้ที่ราวๆ 80 ยังไม่ถึง 100 แต่ก็มั่นใจว่าเราทำอย่างเต็มที่มาจนถึงทุกวันนี้ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือการต้องสู้บุกตลาดต่อไป ซึ่งตลอด 7 ปีที่ผ่านมากราฟการเติบโตของบริษัทในประเทศไทยก็สูงขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้เปิดร้านกาแฟต้นแบบขึ้นที่สยามสแควร์วัน

ส่วนปีนี้ทางดาวคอฟฟี่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยการแบ่งตลาดเป็น 3 ผลิตภัณฑ์หลัก 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ดาวคอฟฟี่ ได้แก่ กาแฟคั่วบด กาแฟสำเร็จรูป และกาแฟทรีอินวัน วางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ ที่จำหน่ายให้ร้านกาแฟในปั๊ม ปตท.ทั่วประเทศ และการบินไทย และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มแบบกระป๋อง

รวมไปถึงมีการเชิญ “เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์อีกด้วย

ทำไมต้องเป็น”เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์”?

คือชีวิตครอบครัวของเราเองก็เหมือนกับแคมเปญ “จากดินสู่ดาว…ด้วยพลังแห่งความรัก” คือมีจุดกำเนิดมาจากดิน ต้องล้มลุกคลุกคลานมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ผ่านทุกอย่างมาจนถึงทุกวันนี้ได้ด้วยความรักในสิ่งที่ทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมือนกันกับพี่เบิร์ดที่ไม่ได้ก้าวขึ้นมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยเส้นทางที่ง่าย แต่ต้องต่อสู้มุ่งมั่นและทำในสิ่งที่ตัวรักเช่นกัน เป็นเหตุผลสำคัญที่เราได้เลือกพี่เบิร์ดมาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของเรา

ซึ่งจากการที่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน ตัวพี่เบิร์ดเองก็ชื่นชอบสิ่งที่เรากำลังจะทำ และรู้สึกว่าการต่อสู้ของเราจนมาถึงทุกวันนี้ได้ก็คล้ายคลึงกับชีวิตของพี่เบิร์ด (ยิ้ม)

เป้าหมายต่อไปในอนาคต

ปีนี้เองก็เริ่มที่จะบุกตลาดเออีซีมากขึ้น เพราะเราก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัวแล้ว ตอนนี้เราเองได้เริ่มที่บุกตลาดเมียนมา รวมไปถึงการหาตลาดอื่นๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็ส่งออกเมล็ดกาแฟและกาแฟสำเร็จรูปไปยัง 19 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ซึ่งเป้าหมายต่อจากนี้คือการทำทุกประเทศให้รู้จักประเทศลาว และทำให้กาแฟลาวเป็นกาแฟระดับพรีเมียมในตลาดโลกให้ได้

มีอะไรอยากจะบอกแก่ชาวไทยหรือไม่

ทางครอบครัวก็อยากจะขอให้พี่น้องชาวไทยให้โอกาสชิมกาแฟของเรา ที่เราทำจากใจจริงๆ และสามารถติชมได้อย่างเต็มที่ เพราะเราจะได้เอาไปปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาต่อไปในอนาคต (ยิ้ม)

pra01270259p2

สุขศาลา

โครงการเพื่อตอบแทนสังคม

และวันสบายๆ ของคุณแครอล

นอกจากจะทำธุรกิจกาแฟ ช่วยส่งเสริมอาชีพให้กับผู้คนในท้องที่ รวมถึงบริจาคเงินทุนสนับสนุนการสร้างโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งแล้ว คุณแครอล ได้เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เธอกำลังเริ่มทำโครงการ “สุขศาลา” เพื่อตอบแทนแก่สังคมอยู่

“ตอนนี้ได้เริ่มทำโครงการสุขศาลามาได้ 2 ปีกว่า โดยเป็นคลินิกรักษาเบื้องต้นแก่ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้ฟรี โดยปัจจุบันมีจุดใหญ่จุดเดียวที่พื้นที่ใกล้กับโรงงาน”

“ก็ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายเพิ่มมากขึ้นไปตามพื้นที่ต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพราะเราเองก็ตั้งใจอยากจะช่วยรัฐบาลอีกแรงหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมเช่นกัน”

คุณแครอลเล่าอีกว่า ตอนนี้น้องสาวคนสุดท้องเองก็กำลังศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางที่ศิริราชอยู่ ซึ่งจะกลับมาเป็นกำลังหลักสำหรับโครงการนี้ในอนาคต

“เขาเองก็จะหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ด้วยกัน หรือนักวิชาการที่จะเข้ามาช่วยในโครงการนี้ในอนาคต ซึ่งหากให้ทำเองคนเดียวก็คงจะไม่ได้เพราะไม่ใช่หมอ” (หัวเราะ)

เห็นรอยยิ้มและท่าทางผ่อนคลายของเธอแล้วจึงอยากจะทราบถึงการพักผ่อนในวัน “สบายๆ” ของเธอบ้างว่าจะเป็นเช่นไร

“คิดว่าการทำงานของแครอลก็คือการพักผ่อนอยู่แล้ว”

“คือเราได้มีการเดินทางไปหลายที่มันก็คือการพักผ่อนไปในตัวโดยเฉพาะระหว่างการเดินทาง ที่สำคัญคือเราเองก็สนุกไปกับงานด้วย”

“อย่างเราได้มีโอกาสเดินทางมากรุงเทพฯ ก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ไปเดินซื้อของที่บางทีก็ไม่ได้ซื้อ (หัวเราะ) เพื่อดูว่าตอนนี้มีการพัฒนาไปแบบนี้แล้ว การตกแต่งตามห้างร้านเป็นแบบนี้ อัพเดตตัวเองว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างไรบ้างแล้ว”

“แค่นี้ก็สนุกและถือเป็นการพักผ่อนแล้ว”

แครอล ทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม

The post บุนเฮือง แครอล ลิดดัง กับก้าวต่อไปของ “ดาว คอฟฟี่” appeared first on มติชนออนไลน์.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 6405

Trending Articles


จงเตรียมพร้อม !!! iOS 8.1.3 ปล่อยสัปดาห์หน้า


ยุงบินเหมือนกอดกัน 2 ตัว มันทำอะไรอยู่ครับ


รีวิวเตือนภัย ซื้อพาวเวอร์แบงค์ AUKEY ร้าน Beyond Gadget ใน Lazada


!!เตือนภัย!!อีเมล์ปลอมจากธนาคารกรุงศรี


สาวญี่ปุ่น กับการถ่ายแบบค่อยๆ ถอดทีละชิ้น


อ.จุฑารัตน์ ดูดวงวงศ์สว่าง21 ไม่เปิดหรอ?


โปร ROV ตีแรง อมตะ คอมโบ้ เวอร์ชั่นล่าสุด


งานฝีมือทําที่บ้าน รับคนประกอบดอกไม้ รายได้เสริม รับซื้อร้อยละ 10 บาท


วิธีนับข้อมูลใน Pivot แบบไม่นับตัวที่ซ้ำกัน (Distinct Count)


เล่นแร่แปรสูตร : การแปลงวันที่ Text ให้เป็นวันที่ Date