ความเป็นปกติของชีวิตคือ บางทีใจสบาย บางทีไม่สบายใจ มนุษย์เรามีความสุขกับใจที่สบาย และอึดอัดคับข้องกับใจที่ไม่สบาย แต่ทั้งความสุขความทุกข์กลับเป็นเรื่องปกติของชีวิต มีความพยายามที่จะบอกเล่าสั่งสอนกันว่าให้วางใจไว้ที่ความสุข คล้ายกันเมื่อเวลามีทุกข์ให้หาทางสลัดทิ้งไปเสีย หาทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขดีกว่า อาจจะได้…ถ้ากลุ้มใจขึ้นมาก็ไปหาเรื่องเริงรมย์ ดูหนัง ฟังเพลง สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง เพื่อเอาความคิดออกจากเรื่องที่ไม่สบายใจ แต่รู้ๆ กันอยู่ว่า เดี๋ยวมันก็กลับมา ชีวิตไม่สามารถอยู่กับบรรเทิงเริงรมย์ได้ตลอดไป ต้องกลับมาอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง ในเวลาที่ต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตนั้น เรื่องราวที่กลบเกลื่อนลืมเลือนไปจะกลับมา และมีความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งคือ กลับมาเมื่อไรจะเป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกหนักหนาสาหัสกว่าเดิม เป็นความปกติของพัฒนาการ ไม่ว่าสิ่งใดหากไม่สะสางก็จะสะสม จากเล็กๆ น้อยๆ จะใหญ่โตขึ้น โดยเฉพาะความรู้สึกนึกคิดที่เราเก็บกดไว้ เพราะไม่ถูกใจมักจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องราวที่อธิบายได้ด้วยหลักแห่งกรรม กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมกลับมาสนอง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองทำไว้พ้น หนทางจัดการกับทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์คือ “ยอมรับ” เปิดประตูใจทุกบานเพื่อให้ทุกความรู้สึกนึกคิดผ่านเข้ามาในชีวิต ความยุ่งยากของมนุษย์เราเกิดจากสัญชาตญาณปกป้องตัวเองจากสิ่งที่จิตประเมินว่าจะไม่ดี หรืออันตราย “ความจำได้ หมายรู้” ที่สะสมมาทั้งทางกรรมพันธุ์ การได้รับการสั่งสอน ค่านิยม วัฒนธรรม และระบบการเรียนรู้ต่างๆ จะใส่ข้อมูลว่า “สิ่งนั้นอันตราย สิ่งนี้ต้องหลบเลี่ยง สิ่งโน้นต้องไม่ให้เกิดขึ้น” ไว้ ในจิตมีกรอบความคิดที่จะกระตุ้นสัญชาตญาณให้ปฏิเสธ ให้ปกปิดไว้มากมาย เมื่อมีเรื่องราวหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระตุ้นให้สัญชาตญาณทำงานเพื่อปกป้อง […]
The post วิถีสะสาง”ปมในใจ” คอลัมน์ เริงโลกด้วยจิตรื่น appeared first on มติชนออนไลน์.