เมื่อพระรามได้กลิ่นน้ำที่พระลักขณะตักมาให้มีกลิ่นคาวเหมือนน้ำตาคนจึงพูดกับพระลักขณะว่า “น้ำนี้ไม่ใช่น้ำธรรมดา ชะรอยจะเป็นน้ำตาคนเสียมากกว่า เหตุว่าเหม็นกลิ่นคาว คงจะมีใครได้รับความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสมานั่งร้องไห้จนน้ำตาไหลนองมาถึงที่นี่ ควรที่เราจะไปดูให้รู้แจ้ง” พูดแล้วก็ชวนกันเดินตามร่องน้ำขึ้นไปเป็นเวลาหลายวัน จึงได้เห็นวานรนั่งร้องไห้อยู่ มีขี้ตาพอกขึ้นมาถึงคอดูเหมือนจอมปลวก พระรามจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร มีทุกข์โศกอันใดหรือจึงมานั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ กรุณาเล่าให้เราได้ทราบบ้าง จะได้หาทางช่วยเหลือทันตามความสามารถ” วานรได้ฟังดังนั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นเทวดาหรือกุมภัณฑ์หรือพิทยาธรได้โปรดบอกข้าด้วยเถิด” พระรามกล่าวว่า “เราไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านพูด ตัวเราชื่อราม น้องเราชื่อลักขณะเป็นลูกกษัตริย์เมืองกุรุรัฏฐ์” “ข้าแต่มหาราช ตัวข้าชื่อสุครีพ เป็นลูกพระยาธตรัฎฐะ มีพี่ชายชื่อภารี น้องหญิงคนหนึ่งชื่อกาสี ได้เป็นอัครมเหสีของภารี เราทั้งสามอยู่เมืองพาราณสี” สุครีพพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ได้ด้วยขี้ตาพอกตัวอยู่ พระรามกับพระลักขณะต้องช่วยกันแคะแกะขี้ตาออกแล้วเอาน้ำมาราดรดจนดูสะอาดขึ้น สุครีพจึงลุกมาก้มกราบสองพี่น้อง กล่าวขอบคุณแล้วเล่าถึงเหตุที่มานั่งร้องไห้ว่า ในกาลครั้งนั้นมีควายหมู่ 3 ชื่อว่าทรพี (ตามต้นฉบับ) ได้เข้ามาอยู่กลางเมืองพาราณสี ชอบออกมาไล่ขวิดผู้คนมิให้ทำการงาน เจ้าตัวหัวหน้าฝูงมีรูปร่างใหญ่เขาแหลม ขวิดได้แม่นยำ เมื่อมันไล่ขวิดใครก็หนีความตายไม่พ้น ควายทั้งหลายฝูงนั้นสั่งสอนฝึกฝนการขวิดอยู่เสมอ วิธีฝึกก็คือวิ่งชนต้นมะขามป้อม พอลูกมะขามป้อมหล่น ก็เอาเขาขวิดมะขามป้อมไม่ทันตกดินแม้แต่ลูกเดียว แสดงว่ามันความว่องไวมาก ไม่มีใครปราบควายเหล่านี้ได้ บรรดาเสนาข้าราชการจึงไปร้องเรียนภารีและสุครีพว่าเดือดร้อนหนักหนาแล้ว ขืนปล่อยไว้นานไปบ้านเมืองจะล่มสลาย ภารีจึงให้เอาทองคำพันหนึ่งใส่ปลายไม้ส้าว (ไม้สอยคันยาว) แล้วประกาศว่า “ผู้ใดออกไปไล่ควายฝูงนี้ออกไปจากเมืองได้ ก็ให้ผู้นั้นมาเอาทองคำนี้ไป” แม้จะให้รางวัลสูงถึงเพียงนั้น […]
The post หนุมาน เทพแห่งสรรพวิทยา (81) โดย ส.พลายน้อย appeared first on มติชนออนไลน์.