กิจกรรม “เลือดไม่แบ่งสี” ที่จัดร่วมกับทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หนึ่งในกิจกรรมนิสิตนักศึกษา ที่กลายเป็นมหกรรมระดับชาติ คือ ฟุตบอลประเพณี ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 2 มหาวิทยาลัย
คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การแข่งขันครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2477 เมื่อนิสิตนักศึกษา ต้องการสร้างความสามัคคีร่วมกัน โดยมีต้นแบบจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ที่แข่งเรือเชื่อมสัมพันธ์ และการแข่งขันเบสบอลประเพณีของ 2 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของญี่ปุ่นคือ มหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะ
แมตช์แรกของ 2 มหาวิทยาลัย จัดขึ้นที่สนามหลวง โดยมีค่าเข้าชม 1 บาท
พ.ศ.2492 มีการพระราชทานถ้วยรางวัลขึ้นเป็นครั้งแรก 1 ปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์มาร่วมพิธี
บรรดานิสิตนักศึกษาต่างมุ่งมั่นสืบสานประเพณีที่สะท้อนความสามัคคี แม้บางปีต้องงดเว้นกิจกรรมเนื่องจากสถานการณ์ในประเทศ แต่ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ทำให้สามารถจัดงานโดยปีนี้นับเป็นครั้งที่ 71 แล้ว หากใครเป็นเจ้าภาพจะเรียกชื่อมหาวิทยาลัยนั้นก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติ
เช่นปีนี้ มีชื่อเต็มว่า ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 71 ภายใต้แนวคิด “ครั้งหนึ่ง” จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่สนามศุภชลาศัย
ก่อนการแข่งขันเริ่ม จะมีการอัญเชิญสัญลักษณ์ของทั้งสองมหาวิทยาลัยลงสู่สนาม
การอัญเชิญพระเกี้ยว โดยกลุ่มตัวแทนนิสิตและผู้อัญเชิญพระเกี้ยวประจำงานฟุตบอลประเพณี (CU Coronet)
การอัญเชิญธรรมจักร โดยขบวนทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นอกจากนี้ ตัวแทนนิสิตและทูตกิจกรรมยังมีหน้าที่อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย อัญเชิญถ้วยพระราชทาน (โดยผู้ชนะในปีก่อนหน้า) อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
วริศรา เตชะวิเชียร หรือเบสท์ นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ ปี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 ในกลุ่มตัวแทนนิสิตและผู้อัญเชิญพระเกี้ยวประจำงานฟุตบอลประเพณี ที่ทำหน้าที่อัญเชิญพานพุ่ม เกริ่นว่า ปกติทำกิจกรรมของคณะตั้งแต่ปี 1 ก็เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ แข่งแบดมินตัน แต่ไม่เคยทำกิจกรรมในนามของมหาวิทยาลัยเลย ปีนี้ปีสุดท้ายจึงลองสมัคร อยากทำอะไรให้มหาวิทยาลัยบ้าง
“ไม่ได้คาดหวัง ลองดู ถ้าได้ก็ดีใจ เหมือนคนมาคัดเยอะมากปีนี้ คิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด”

ส่วน อรชพร ภู่เจริญ หรืออาย นิสิตจุฬาฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2 สมาชิกอีกคนของกลุ่มตัวแทนนิสิตและผู้อัญเชิญพระเกี้ยวประจำงานฟุตบอลประเพณี ซึ่งทำหน้าที่ถือป้ายนามมหาวิทยาลัย บอกว่า อยากเป็นส่วนหนึ่งของซียูโคโรเน็ต อยากลองทำงานที่ใหญ่ขึ้น การคัดเลือกนั้นมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่สอบข้อเขียน ประวัติความรู้จุฬาฯ สอบสัมภาษณ์ วัดทัศนคติ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ แค่อยากลองดูเฉยๆ ก็มาเรื่อยๆ
เมื่อถามถึงวันประกาศผล ทั้งสองประสานเป็นเสียงเดียวว่า “ตกใจ”
วริศราอธิบายว่า ตอนรู้ผลก็ถามตัวเองว่าจริงหรือเปล่า ดีใจ เหมือนได้เพื่อนใหม่อีก 11 คน ช่วงแรกๆ ที่มาทำงานร่วมกันนั้น ต่างคนต่างเกร็ง และเนื่องจากวันงานจริง ผู้แทนนิสิตทุกคนต้องอยู่ในสนามนาน 3 ชั่วโมง ถือป้าย รวมทั้งตลอดการทำหน้าที่ผู้แทนนิสิต ต้องทำกิจกรรมมากขึ้น บางวันนอนน้อย ทำให้ต้องออกกำลังกาย ฟิตซ้อมร่างกายทุกวัน
อรชพรเสริมว่า พอประกาศแล้วก็ได้รู้จักทุกคนมากขึ้น ทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ทุกคนน่ารักมาก ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มนี้
กิจกรรมแรกที่ทั้ง 12 คนได้ทำร่วมกัน คือ งานมหาธีรราชานุสรณ์ ประจำปี 2558 ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 เป็นตัวแทนนิสิตไหว้พระรูปรัชกาลที่ 6 ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ฟุตบอลประเพณี
เป็นมากกว่ากีฬาเชื่อมสามัคคี
อรชพรบอกว่า กิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัยเช่นนี้เป็นสิ่งดี เพราะต้องใช้เวลา ใช้แรงกาย ใช้ความคิด ทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งยังได้เพื่อนเพิ่ม พบคนที่มีความคิดเห็นที่หลากหลายขึ้น
“เราไม่ได้แบ่งว่าใครมหาวิทยาลัยไหน แต่อยู่กันเหมือนเพื่อน ทุกคนต่างช่วยกันทำงานให้ออกมาดีที่สุด ตัวงานนี้เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่มีร่วมกัน ซึ่งก่อนจะมีงานบอลประเพณี ต้องมีการร่วมมือกันตั้งแต่การ
4.กิจกรรม “TEE-TA-PU” ที่โรงเรียนบ้านวังทอง จ.ลพบุรี
เตรียมความพร้อม การทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกันหลายกิจกรรม
“รู้สึกคุ้มค่ามากๆ ที่ได้ใช้เวลาตรงนี้ นอกจากได้เรียนรู้ตัวเอง ยังได้เพื่อน ได้ทำงานให้มหาวิทยาลัย” อายกล่าวอย่างภูมิใจ
วริศราเสริมว่า ได้เพื่อนเพิ่ม ได้ฝึกการทำงานโดยประยุกต์ความรู้จากการเรียนมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ
“เราเป็นส่วนหนึ่งที่สืบทอดประเพณีให้คงอยู่ต่อไป การที่สองมหาวิทยาลัยทำงานร่วมกัน ส่วนหนึ่งสะท้อนว่าแม้จะต่างสถาบันแต่สามารถร่วมมือกันทำงานให้บรรลุผล บรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกัน หากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือขาดมหาวิทยาลัยใด งานคงไม่ออกมาสำเร็จแบบนี้
“อยากให้น้องๆ ลองสมัคร เพราะสิ่งที่ได้รับ นอกจากประสบการณ์แล้ว ยังได้พัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น” เบสท์ทิ้งท้าย
กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ นอกจากเปิดโอกาสให้ได้รู้จัก ได้เพื่อน ยังเอื้อประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย
อัญเชิญพระเกี้ยวสู่สนาม
หน้าที่อันทรงเกียรติ

การคัดเลือกและประกาศผลผู้อัญเชิญพระเกี้ยว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา โดยคัดเลือกจากกลุ่มตัวแทนนิสิตทั้ง 12 คน ซึ่งคนที่ได้รับคัดเลือกคือ มาริษา จันทร์ธนวงษ์ นิสิตคณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 และกรวิชญ์ สารสิน นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรวิชญ์ สารสิน หรือ กำปั่น เกริ่นว่า ทำกิจกรรมตั้งแต่ปี 1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมในคณะและเป็นกรรมการนิสิต พอขึ้นปี 3 รู้สึกว่าเหลือเวลาอีกเพียงปีกว่า อยากลองทำงานที่เป็นของส่วนรวม มองว่าการเป็นผู้แทนนิสิตได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและเพื่อนต่างคณะจึงมาสมัคร
“การคัดเลือกกลุ่มตัวแทนนิสิตเพื่อให้ได้ 12 คน มีหลายขั้นตอน จุดเด่นที่ทำให้ได้รับคัดเลือก น่าจะด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา รู้กาลเทศะ ส่วนวันคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวตื่นเต้นมาก ตอนแรกมั่นใจแต่พอขึ้นเวที ผู้ชมส่งเสียงก็เริ่มมือสั่นเพราะไม่ค่อยได้ขึ้นเวที พยายามฮึด ทำให้ได้เหมือนที่เตรียมตัว ตอนแรกที่บ้านงงๆ กัน แต่พอเล่าให้ฟังก็ตื่นเต้น แชร์กันในไลน์ที่บ้าน คอยติดตามว่าทำอะไร
“การอัญเชิญพระเกี้ยว เป็นการเรียกขวัญให้ชาวจุฬาฯ ตอนนี้ตื่นเต้นมากด้วยความไม่รู้ว่าวันจริงจะเป็นอย่างไร จึงเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ทั้งสมรรถภาพร่างกาย ด้านบุคลิกภาพ เพราะวันจริงใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ”
กรวิชญ์อธิบายต่อไปว่า สมัยมัธยมก็มองเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆ แล้วรู้ว่าทุกคนตั้งตารอคอย เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
“ได้ทำงานร่วมกับทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของธรรมศาสตร์ ถ้าไม่มีกิจกรรมนี้คงไม่ค่อยได้รู้จากเพื่อนธรรมศาสตร์ ถือเป็นกิจกรรมที่เป็นแบบอย่างของความสามัคคี นอกจากนี้ ฟุตบอลประเพณียังเป็นพื้นที่ให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงศักยภาพ นำความรู้จากในห้องเรียนมาปรับใช้
“ใครตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งของงานบอล ก็อยากให้เก็บความตั้งใจนั้นฝึกฝนตัวเอง ไม่ดีด้านไหนก็พัฒนา งานบอลมีหลายตำแหน่ง หลายหน้าที่ให้เข้ามามีส่วนร่วม หากขาดใครไปงานคงไม่สมบูรณ์”

กลุ่มตัวแทนนิสิต และผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
1.ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
ฝ่ายชาย : นายกรวิชญ์ สารสิน คณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
ฝ่ายหญิง : นางสาวมาริษา จันทร์ธนวงษ์ คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 22.ผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย
ฝ่ายชาย : นายปคุณ รัตนชัยกานนท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 – นายณรัณ กิติรัตน์ตระการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 -นายกษิดิศ สอนไว คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4
ฝ่ายหญิง : นางสาวปัญญภัทร ทรงธัมจิตติ คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 – นางสาวอรชพร ภู่เจริญ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 -นางสาวกฤติมา เกียรติศรีธารา คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 13.ผู้อัญเชิญพานพุ่ม
ฝ่ายชาย : นายชานน บุญรัตนสมัย คณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 – นายกตัญญู เบญจพรหมผดุง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
ฝ่ายหญิง : นางสาววริศรา เตชะวิเชียร คณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 – นางสาวกนกสิริ จริยเศรษฐพงศ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 2
The post อีกมุมหนึ่งจาก ‘CU Coronet’ ในบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 71 appeared first on มติชนออนไลน์.