หากจะพิจารณาความเป็นอนิจจัง หรือความไม่เที่ยง ความเป็นปกติของสรรพสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไป
“ร่างกาย” ของเรา เป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาได้ดีที่สุด เพราะทันทีที่สนใจใฝ่รู้ สังเกตการณ์ความเป็นไปของร่างกาย เราจะพบความเป็นอนิจจังที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกันตลอดเวลา
วัยเป็นปัจจัยหนึ่ง ในวัยเด็ก ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นไปในทางเติบโต แข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของเด็กมีความยืดหยุ่นสูง
กระทั่งมาถึงในช่วงวัยที่ร่างกายเติบโตเต็มที่ ช่วงนี้การพัฒนาความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อยังทำได้อยู่ ขึ้นอยู่กับใครจะจัดการกับปัจจัยต่างๆ ให้ร่างกายเป็นอย่างไร
กินมาก ออกกำลังกายน้อย ก็อ้วน ออกกำลังกายกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็แข็งแรง
ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุเป็นตัวแทรกซ้อนเข้ามา
ที่สำคัญคือการใช้ชีวิต หักโหมต่อการใช้ร่างกายแค่ไหน หักโหมมากก็เสื่อมโทรมมาก ออกกำลังกายน้อยส่วนที่ไม่ได้ใช้งานก็พิกลพิการใช้ไม่ได้ไป
วัยที่มากขึ้น ความเป็นปกติคือร่างกายอวัยวะต่างๆ จะเข้าสู่ความเสื่อมสมรรถนะการใช้งาน อวัยวะที่ใช้งานมากเกินไป หรือไม่ค่อยได้ใช้หมดสมรรถภาพไปเรื่อยๆ
กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ไขข้อ กระดูก เสื่อมไปตามสภาพปัจจัยต่างๆ มาประกอบกัน
เช่นนี้เป็นความปกติอย่างหนึ่ง เป็นธรรมดาของสรรพสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยที่ปรับเปลี่ยน
แต่มีความเป็นปกติอีกอย่างหนึ่ง คือความสามารถของอวัยวะต่างๆ
แม้โดยสัจธรรมจะเสื่อมไปอย่างที่ว่า แต่ในความเป็นจริงเราสามารถชะลอความเสื่อมนั้นได้อยู่ไม่น้อย
เพียงแต่มองให้เห็นว่าความเป็นปกติของอวัยวะที่จะต้องใช้งานเป็นอย่างไร และพยายามให้การใช้งานนั้นเป็นปกติไว้
อย่างเช่น เคยก้มผูกเชือกรองเท้าหรือก้มตัดเล็บเท้าเองได้ วันหนึ่งที่การทำเรื่องปกติที่เกิดความรู้สึกว่ายากลำบากขึ้น ก้มไม่ลง หลังแข็ง อย่าไปยอมเรื่องไม่ปกตินั้นง่ายๆ ด้วยการหาวิธีที่ไม่ปกติ เช่น ให้คนอื่นผูกเชือกรองเท้าหรือตัดเล็บเท้าให้
ต้องพยายามทำเองในท่าที่เคยทำได้ ฝืนเพื่อยืนยันกับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นว่าเรายังต้องการที่จะให้ทำงานอย่างเป็นปกติที่เคยทำมา
ถ้าเรายอมก็หมายถึงการยอมรับความเป็นปกติอย่างแรก คือ “ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความเสื่อม” แต่ถ้าเราฝืนเราจะรักษาความเป็นปกติในความสามารถของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
การสังเกตร่างกาย เพื่อเรียนรู้ความเป็นอนิจจัง และจัดการไปตามเหตุ ที่สุดแล้วจะทำให้เกิดความเข้าใจใน “ไตรลักษณ์” หรือ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ของสรรพสิ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปเสมอ กล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงที่สุดแล้วจะเจ็บ จะปวด และหย่อนสมรรถนะ เส้นเอ็นจะยืดหยุ่นได้น้อยลง อาการเจ็บ อาหารปวด เป็นสัญญาณที่บอกถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น หากเข้าใจได้ว่าไม่ควรไปยึดไปถือไว้ว่าจะต้องเป็นอย่างไร เข้าใจว่าสรรพสิ่งจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกันให้เป็นไปอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราอยากให้เป็นไปตามที่เรายึดเราถือไว้ให้เป็น มันจะผ่อนคลายขึ้น สบายขึ้น
พยายามทำในสิ่งที่เคยทำได้ แต่ทำด้วยความเข้าใจว่าที่สุดแล้วจะเปลี่ยนไป จะทำที่เคยทำได้น้อยลง ไม่ไปติดว่าจะต้องทำให้ได้เหมือนที่เคยทำ เพียงแค่รักษาที่เคยทำได้ไว้ให้นานที่สุด ด้วยรู้ว่าการรักษานั้นจะยึดจะถือให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ไม่ได้
เข้าใจว่าจะทำได้ตามปัจจัยที่มาประกอบ
และนั่นเป็นความปกติที่ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
มันก็จะเป็นเช่นนั้น
The post พอเหมาะ พอดี appeared first on มติชนออนไลน์.